สเต็มเซลล์หรือเซลต้นกำเนิดคืออะไร?

 

สเต็มเซลล์ คือเซลล์ที่เรามีอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว ปกติจะมีอยู่ในจำนวนน้อย และจะถูกปล่อยออกมามากขึ้นเมื่อร่างกายต้องการการรักษา สามารถพัฒนาเป็นเซลต่างๆในร่างกาย เช่น เซลล์กล้ามเนื้อ เซลล์กระดูก เซลล์กระดูกอ่อน เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ เป็นต้น

ในทุกๆวันร่างกายจะมีการอักเสบและเสื่อมสภาพ สเต็มเซลล์จะทำหน้าที่ช่วยในการซ่อมแซมความเสื่อมนั้น เป็นกลไกตามธรรมชาติที่สเต็มเซลล์จะวิ่งไปตรงจุดที่ต้องการการซ่อมแซม เช่นเมื่อร่างกายมีการอักเสบหรือมีบาดแผล สเต็มเซลล์ก็จะวิ่งไปซ่อมตรงจุดนั้นโดยอัตโนมัติ

ซึ่งถ้าร่างกายสามารถผลิตสเต็มเซลล์ได้เยอะ เราก็จะแก่ช้า ป่วยยากหายเร็ว เพราะร่างกายสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ดี แต่เมื่อเราอายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตสเต็มเซลล์ได้น้อยลง ทำให้เมื่อเป็นโรคต่างๆโอกาสฟื้นตัวก็จะยาก

ปัจจุบันสเต็มเซลล์ถูกจัดเป็นยาชีววัตถุ และในอนาคตจะถูกจัดอยู่ในหมวดยาประเภท ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ขั้นสูง หรือ ADVANCE THERAPY MEDICINAL PRODUCTS (ATMP) สเต็มเซลล์และ ATMP เกือบทุกชนิดจะอยู่ในรูปยาฉีด นำเข้าสู่ร่างกายผ่านทางการฉีดเข้าหลอดเลือด ดังนั้นทุกขั้นตอนการผลิตสเต็มเซลล์หรือ ATMP ทั้งสำหรับการแพทย์เฉพาะบุคคล (PERSONALIZED MEDICINE) หรือผลิตเป็นยา จะต้องถูกควบคุมอย่างเข้มงวด ที่สำคัญผู้ผลิตต้องมีใบอนุญาตการเพาะสเต็มเซลล์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้ (ปัจจุบัน SCL เป็นเจ้าเดียวที่มี) การผลิตหรือเพาะเพิ่มจำนวนเซลล์โดยไม่มีใบอนุญาตจึงเข้าข่ายผลิตยาปลอมหรือยาผิดกฎหมายที่มีบทลงโทษอย่างรุนแรงทั้งผู้ผลิตและแพทย์ผู้นำไปใช้

ประเภทของสเต็มเซลล์

แบ่งออกเป็นสองประเภท คือ Hematopoietic Stem Cells (HSCs) และ Mesenchymal Stem Cells (MSCs)

HSCs – เลือดสายสะดือ –

หากไม่ได้นำไปใช้กับตัวเด็กเจ้าของสายสะดือ การนำไปใช้ต้องตรวจความเข้ากันได้ของผู้ให้กับผู้รับ โดยทั่วไปโอกาสที่จะพบสเต็มเซลล์จากเลือดที่เข้ากันได้คือ 1ใน 50000-100000 แต่ถ้าเป็นพี่น้อง โอกาสที่เข้ากันได้จะมีถึง 1 ใน 4

MSCs – เนื้อเยื้อสายสะดือ รก เยื้อหุ้มรก –

สามารถนำไปใช้โดยไม่ต้องตรวจความเข้ากันได้ของผู้ให้กับผู้รับ

การรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิดชนิด Mesenchymal stem cell และ Hematopoietic Stem Cell ในส่วนของการทดสอบการรักษาทางคลีนิกที่ถูกรายงานในวารสารนานาชาติ

การใช้เซลล์ต้นกำเนิดจะช่วยป้องกันและฟื้นฟูอย่างไรได้บ้าง

  • เซลล์ต้นกำเนิดช่วยกระตุ้นในการสร้างหลอดเลือดขึ้นมาใหม่
  • เซลล์ต้นกำเนิดจะสามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนและเปลี่ยนตัวเองเป็นเซลล์ที่ทำงานแบบเฉพาะได้
  • เซลล์ต้นกำเนิดจะช่วยยับยั้งกระบวนการสร้างผังผืดที่มากเกินไป
  • เซลล์ต้นกำเนิดช่วยในการป้องกันตายของเซลล์ในกรณีของการทำงานช่วยเหลือของระบบภูมิคุ้มกัน
  • เซลล์ต้นกำเนิดช่วยยับยั้งการทำงานของบีเซลล์ และทีเซลล์ที่มีมากเกินไป สมดุลในระบบภูมิคุ้มกัน
  • เซลล์ต้นกำเนิดช่วยในการสร้าง ทีเซลล์ที่สามารถจดจำได้ มากขึ้น
  • เซลล์ต้นกำเนิดยับยั้งเซลล์เดนไดรตริกซ์ที่ส่งเสริมการสร้าง โปรตีน PGE2 มากเกินไป

โรคที่พบในคนส่วนใหญ่ แนวโน้มการใช้ MSCs รักษา

  • โรคที่เกิดจากการเสื่อมของเซลล์ประสาทสั่งการ
  • ภาวะสมองเสื่อม
  • โรคพาร์กินสัน
  • โรคหลอดเลือดสมอง
  • ภาวะข้อเข่าเสื่อม
  • การรักษากระดูกอ่อนผิวข้อแตกในข้อเข่า
  • การบาดเจ็บกระดูกสันหลัง
  • โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ 
  • โรคเบาหวานชนิดที่ 1
  • สเต็มเซลล์เป็นของขวัญจากลูกน้อย เพื่อดูแลรักษาสุขภาพให้กับคุณพ่อ คุณแม่ และทุกคนในครอบครัว รวมถึงตัวเด็กเอง การเก็บสเต็มเซลล์ไว้จึงเป็นหลักประกันสุขภาพในอนาคตให้กับครอบครัว

    โดยการเก็บสเต็มเซลล์ ควรต้องเก็บกับบริษัทที่มีใบอนุญาตในการเพาะและจัดเก็บจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เพื่อความปลอดภัย ถูกต้อง ได้เซลล์คุณภาพสูงที่ถูกเพาะเลี้ยงอย่างถูกวิธี ได้มาตรฐานยาฉีด สามารถนำเอาไปใช้ได้จริงในอนาคต